“ปัจจัยบวกที่ทำให้มีกำลังใจคือ วัคซีน ซึ่งมีความชัดเจนแล้วว่าประเทศไทยมีการจองซื้อวัคซีนแล้วและมีปริมาณเพียงพอ โดยล็อตแรกจะมาประมาณเดือนกุมภาพันธ์นี้ และจะมีการผลิตเองในประเทศไทยเพื่อส่งกลับให้ประเทศต้นทาง แล้วขยายกำลังการผลิตเพื่อใช้ให้พอภายในประเทศ ตามที่รัฐบาลรับประกันว่าจะมีพอให้แก่ประชาชนอย่างทั่วถึง รวมถึงจะขยายไปถึงประเทศเพื่อนบ้านตามลำดับ เพื่อให้เศรษฐกิจประเทศเดินหน้าต่อไปได้ และหากเกิดกรณีที่แย่ที่สุดคือ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยืดเยื้อและกระจายวงกว้างนั้น นโยบายที่สำคัญคือเรื่องการเงินกับการคลัง ซึ่งนโยบายการเงินได้ผ่อนคลายลงเพื่อให้คลังใช้จ่ายได้ง่ายขึ้นแล้ว และช่องว่างที่ทำให้การคลังใช้จ่ายได้ยังมี ถ้ามีความจำเป็นก็สามารถทำได้ การก่อหนี้ของไทยตัวเลขล่าสุดอยู่ที่ 50% ไทยมีเพดานใช้ได้สูงสุดถึง 60% ถ้าจำเป็นจริงๆ พรบ.วินัยการเงินการคลัง ก็เปิดให้ยกเพดานการก่อหนี้ให้สูงขึ้นได้อีก เชื่อว่ามาตรการที่กล่าวมาน่าจะเพียงพอที่จะช่วยให้รับมือได้ ถ้าหากไม่เพียงพอก็อาจจะมีมาตรการเสริมออกมาอีก”
“สำหรับแนวนโยบายในโลกหลังโควิด-19 หรือที่เรียกว่ายุคนิวนอร์มัลนั้น นโยบายของรัฐบาลมุ่งไปทางเดียวคือการพัฒนาที่ยั่งยืน สิ่งที่รัฐดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องคือเรื่องการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นการลงทุนด้านรถไฟฟ้า ทั้งในกรุงเทพฯ ระหว่างจังหวัด และระหว่างประเทศ เป็นการเชื่อมแบบไร้รอยต่อ ปรับปรุงสนามบิน และมุ่งพัฒนาและลงทุนอุตสาหกรรมใหม่ในพื้นที่อีอีซี เรื่องการพัฒนาความรู้ด้านดิจิตอลทั้งในอุตสาหกรรมขนาดเล็ก ใหญ่ และของรัฐ เน้นในเรื่องของ Digital Transformation การนำดิจิตอลมาใช้ในการทำงานทั้งหมด และเรื่องของ Green Infrastructure เช่น รถยนต์ไฟฟ้า และเรื่องของสุขภาพ ซึ่งรัฐมองว่าเหล่านี้เป็นอุตสาหกรรมที่จะเปลี่ยนโฉมประเทศไทย สิ่งที่ไทยเจอคืออันดับความสามารถในโครงสร้างพื้นฐานของไทยไม่ได้อยู่ในอันดับต้นๆ ของอาเซียน รัฐจึงจะมุ่งขับคลื่อนตรงนี้ โดยขอให้ประชาชนและนักลงทุนมั่นใจว่ารัฐบาลจะไม่หยุดถึงแม้จะเจอวิกฤติ ก็จะไม่หยุดพัฒนาประเทศในระยะยาว ในกฎหมายงบประมาณฯ ก็มีกำหนดไว้ว่าต้องมีประมาณ 20% สำหรับการจัดสรรงบประมาณการลงทุนให้กับประเทศ ก็ยืนยันว่าจะเดินหน้าเต็มที่ตามแผน” นายอาคมกล่าว
เกี่ยวกับบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)
บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (บล.เกียรตินาคินภัทร) เป็นหนึ่งในผู้นำของประเทศไทยด้านธุรกิจตลาดทุน ซึ่งครอบคลุมธุรกิจวานิชธนกิจ (Investment Banking) ธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์สำหรับผู้ลงทุนสถาบัน และธุรกิจที่ปรึกษาการลงทุนส่วนบุคคล (Wealth Management)
ทั้งนี้ บล.เกียรตินาคินภัทรเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ที่ประกอบด้วย ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) โดยกลุ่มธุรกิจฯ มีเป้าหมายในการมุ่งนำทรัพยากรทางการเงินสู่ลูกค้าอย่างถูกต้อง พอเพียง และทั่วถึง ด้วยการบริการที่เหนือความคาดหมาย และไม่อาจหาได้จากแหล่งอื่น ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่www.kkpfg.com
No comments:
Post a Comment