การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อวิถีการดำเนินชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เด็ก ผู้มีรายได้น้อย ผู้สูงอายุ ผู้ยากไร้ ฯลฯ "อาหาร" ถือเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งในช่วงนี้ ที่ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนเรื่องปากท้อง การบริหารจัดการเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงอาหารอย่างเพียงพอ กระจายไปทุกพื้นที่อย่างครอบคลุม ช่วยลดความเหลื่อมล้ำและสร้างโอกาสให้กับทุกคน
“Circular Meal…มื้อนี้เปลี่ยนโลก” โครงการที่เกิดจากความร่วมมือของ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ มูลนิธิสโกลาร์ส ออฟ ซัสทีแนนซ์ (ประเทศไทย) หรือ SOS และบริษัท จีอีพีพี สะอาด จำกัด หรือ GEPP นำอาหารส่วนเกินคุณภาพดีทั้งวัตถุดิบและอาหารแช่แข็ง ไปส่งมอบให้กับชุมชนต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร เพื่อปรุงเป็นมื้ออาหารสำหรับสมาชิกในชุมชน ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย เติมพลังกายและกำลังใจต่อสู้จนกว่าจะผ่านวิกฤตโรคระบาดครั้งนี้ ขณะเดียวกัน ยังมุ่งมั่นปลูกจิตสำนึกรักษ์โลกจากการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ที่ผ่านมา ได้มอบอาหารไปแล้วกว่า 7,600 ชุด ให้กับมูลนิธิเด็ก ผู้ยากไร้ ผู้มีรายได้น้อย และผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิค 19 จำนวน 6 แห่ง มีสมาชิกกว่า 5,000 คน ประกอบด้วย ชุมชนอ่อนนุช 14 ไร่ ชุมชนคลองส้มป่อย ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กชุมชนมักกะสัน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กชุมชนสวนรื่น ศูนย์สร้างโอกาสพระราม 8 และมูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก เพื่อส่งต่อให้กับชุมชนดวงแข ตรอกสลักหิน รวมทั้งชุมชนกลุ่มเปราะบางที่มีรายได้น้อยอีก 7 ชุมชน ผ่านการปรุงอาหารจากครัวรักษ์อาหาร ของ SOS เช่น ชุมชนบ้านครัวเหนือ ชุมชนคลองส้มป่อย ครัววัดแข ครัววัดโสม ครัววัดภาชี โดยมีเป้าหมายส่งมอบอาหาร ตลอดปี 2564 จำนวน 10,000 ชุด
นางชนัญธิดา วุฒิวารี หรือ ครูโบ ห้วหน้าครูอาสาจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็กชุมชนมักกะสัน กล่าวว่า ชุมชนริมทางรถไฟมักกะสัน มีสมาชิกประมาณ 2,000 คน จาก 605 ครัวเรือน เป็นหนึ่งในชุมชนที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สูง ได้รับการตรวจจากชมรมแพทย์ชนบทไปแล้ว 2 รอบอาหารจึงเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญต่อการใช้ชีวิตในแต่ละวัน อาหารที่ได้รับจากซีพีเอฟ เป็นอาหารกึ่งสำเร็จรูปพร้อมทาน ซึ่งมีรสชาติดีอยู่แล้วและทานง่าย ทางศูนย์ฯ จะปรุงจากครัวกลางและพยายามจัดสรรอาหารให้กับทุกคนตามปริมาณที่ได้รับบริจาคอย่างเท่าเทียมกันโดยให้กับผู้ป่วยติดเตียง ผู้กักตัวเป็นอันดับแรก ด้วยการนำอาหารไปส่งมอบให้ตามบ้าน
“ชาวชุมชนดีใจมากที่ได้รับอาหาร ซึ่งครั้งนี้ซีพีเอฟให้เป็นไก่ป๊อบ จะทานได้ทุกคน สำหรับบางคนอาหารแบบนี้ คือ เกินกำลังซื้อของเขา จึงเป็นโอกาสของพวกเขาที่ได้รับอาหารดีๆ ที่สำคัญเราต้องมีส่วนช่วยในการดูแลสิ่งแวดล้อมด้วยการเก็บและล้างถุงใส่อาหารคืนให้
เพื่อนำไปรีไซเคิลให้ถูกวิธีด้วย” ครูโบ กล่าว
ด้านนางเกสรา คลื่นแก้ว หรือ ป้าหนิงของเด็กๆ ในชุมชนคลองส้มป่อย ซึ่งเป็นชุมชนอิสลามใจกลางกรุงเทพฯ กล่าวว่า ตอนนี้สิ่งที่ต้องการมากที่สุดเพื่อให้คนในชุมชนอยู่รอด คือ อาหาร โดยเฉพาะวัตถุดิบ เนื้อไก่ ไข่ไก่ และผัก เพื่อปรุงอาหารและแจกจ่ายให้คนในชุมชน 850
คน ได้รับอาหารอย่างทั่วถึง เนื่องจากมีภารกิจสำคัญต้องดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 รอเข้ารับการรักษาและผู้กักตัวเอง ซึ่งมีจำนวนมาก การส่งอาหารให้คนกลุ่มนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อสนับสนุนการกักตัวโดยไม่ออกจากบ้าน ไก่คาราเกะ ที่ได้รับจากซีพีเอฟ ปรุงง่าย รสชาติดี
ทานสะดวก ปรุงจากครัวกลางและแจกจ่ายได้อย่างทั่วถึง ถูกใจคนในชุมชนเพราะทานง่าย
“ช่วงเวลาแบบนี้ ปากท้องเป็นเรื่องสำคัญ การได้รับอาหารบริจาคในแต่ละมื้อ แม้มื้อเดียวก็ช่วยคนในชุมชนได้มาก เราไม่มีงบประมาณมากพอ จึงอยากได้วัตถุดิบและมาปรุงที่ครัวกลางของเรา เพื่อแจกจ่ายกันอย่างทั่วถึง ซึ่งอาหารกล่องที่ได้รับบริจาคทุกวันนี้ครั้งละ 50-100กล่อง ไม่เพียงพออยู่แล้ว เราก็ต้องจัดให้กับคนที่มีความจำเป็นมากที่สุด” ป้าหนิง กล่าว
เพื่อนำไปรีไซเคิลให้ถูกวิธีด้วย” ครูโบ กล่าว
ด้านนางเกสรา คลื่นแก้ว หรือ ป้าหนิงของเด็กๆ ในชุมชนคลองส้มป่อย ซึ่งเป็นชุมชนอิสลามใจกลางกรุงเทพฯ กล่าวว่า ตอนนี้สิ่งที่ต้องการมากที่สุดเพื่อให้คนในชุมชนอยู่รอด คือ อาหาร โดยเฉพาะวัตถุดิบ เนื้อไก่ ไข่ไก่ และผัก เพื่อปรุงอาหารและแจกจ่ายให้คนในชุมชน 850
คน ได้รับอาหารอย่างทั่วถึง เนื่องจากมีภารกิจสำคัญต้องดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 รอเข้ารับการรักษาและผู้กักตัวเอง ซึ่งมีจำนวนมาก การส่งอาหารให้คนกลุ่มนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อสนับสนุนการกักตัวโดยไม่ออกจากบ้าน ไก่คาราเกะ ที่ได้รับจากซีพีเอฟ ปรุงง่าย รสชาติดี
ทานสะดวก ปรุงจากครัวกลางและแจกจ่ายได้อย่างทั่วถึง ถูกใจคนในชุมชนเพราะทานง่าย
“ช่วงเวลาแบบนี้ ปากท้องเป็นเรื่องสำคัญ การได้รับอาหารบริจาคในแต่ละมื้อ แม้มื้อเดียวก็ช่วยคนในชุมชนได้มาก เราไม่มีงบประมาณมากพอ จึงอยากได้วัตถุดิบและมาปรุงที่ครัวกลางของเรา เพื่อแจกจ่ายกันอย่างทั่วถึง ซึ่งอาหารกล่องที่ได้รับบริจาคทุกวันนี้ครั้งละ 50-100กล่อง ไม่เพียงพออยู่แล้ว เราก็ต้องจัดให้กับคนที่มีความจำเป็นมากที่สุด” ป้าหนิง กล่าว
“หลายคนพูดกับพี่อุ้ยว่า ถ้าไม่ใช่คนในชุมชน ไม่รู้ว่าจะมีกินแบบนี้ไหม ซึ่งคนตกงานและขาดรายได้จะเพิ่มขึ้นอีกเยอะ วัตถุดิบที่ได้รับมาช่วยคนในชุมชนประหยัดค่าอาหารในแต่ละมื้อและนำเงินไปใช้ในเรื่องที่จำเป็นกว่าได้” นางสุนันทา กล่าว
นางสาวธนาภรณ์ อ้อยอิสรานุกุล ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ SOS เล่าว่า อาหารที่ได้รับจากซีพีเอฟส่วนใหญ่เป็นอาหารแช่แข็ง ซึ่งมูลนิธิฯ จะมีผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารตรวจสอบคุณภาพทุกครั้ง พร้อมแนะนำวิธีการเก็บรักษาและวิธีการปรุงอย่างถูกต้องและถูกหลักอนามัยให้กับชุมชน เพื่อส่งมอบมื้ออาหารปลอดภัยและมีคุณค่าทางโภชนาการให้กับคนในชุมชน ในแต่ละครั้งที่ได้รับอาหาร มูลนิธิฯ จะวางแผนทันทีและจัดสรรวัตถุดิบอย่างเหมาะสมเพื่อให้เพียงพอกับจำนวนคนในชุมชน หรือปรุงเป็นอาหารกล่องผ่าน “ครัวรักษ์อาหาร” ของมูลนิธิฯหรือครัวกลางของชุมชน และนำไปแจกจ่ายอย่างทั่วถึง นอกจากนี้ ได้ขอความร่วมมือจากชุมชนช่วยทำความสะอาดและแยกบรรจุภัณฑ์ เพื่อนำไปจัดการต่อไม่ให้เกิดเป็นขยะหรือสร้างมลพิษกับสิ่งแวดล้อม ตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ
“โควิด 19 ทำให้คนจนเฉียบพลัน อาหารที่มูลนิธิฯ เคยส่งมอบให้ชุมชนหนึ่งสำหรับ 50 คน ตอนนี้เพิ่มเป็น 200-300 คน ทำให้อาหารไม่เพียงพอต่อความต้องการ ยิ่งวิกฤตในปัจจุบันมีชุมชนติดต่อขอรับอาหารมากขึ้น อาหารที่ได้รับบริจาคเหล่านี้ช่วยแบ่งเบาภาระค่าอาหารของพวกเขาได้มาก โครงการนี้เป็นอีกหนึ่งโครงการที่ส่งเสริมอาหารให้กับผู้ขาดแคลน” นางสาวธนาภรณ์ กล่าว
No comments:
Post a Comment