อาการของโรคผู้ป่วยจะมีอาการผมร่วงมากผิดปกติ มากกว่า 70 เส้นต่อวัน หรืออาจสูงถึง 1,000 เส้น ลักษณะร่วงทั่วศีรษะ ในรายที่ผมร่วงไม่มากอาจจะไม่ทันสังเกต แต่ในรายที่ผมร่วงมากจะสังเกตว่าผมบางลงได้มาก โดยเฉพาะบริเวณขมับด้านข้าง แต่ไม่ถึงกับร่วงจนหมดศีรษะ อาจพบขนที่บริเวณอื่นร่วงประกอบด้วยได้ เช่น ขนรักแร้หรือขนหัวหน่าว ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่มีอาการ แต่บางรายอาจมีมีอาการคัน แสบ เจ็บบริเวณหนังศีรษะได้ โดยอาการผมร่วงมักเกิดตามหลังสาเหตุต่าง ๆ ประมาณ 2-3 เดือน และใช้เวลา 6-12 เดือนกว่าผมจะขึ้นกลับคืนมา ในผู้ป่วยบางรายอาจเกิดผมร่วงทั่ว ๆ ต่อเนื่องนานกว่า 6 เดือน ที่เรียกว่า Chronic Telogen Effluvium (CTE) เกิดเนื่องจากสาเหตุของโรคที่ทำให้ผมร่วงยังคงอยู่ เช่น ภาวะผมร่วงที่สัมพันธ์กับโรคไทรอยด์, โรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก, ภาวะขาดสารอาหาร, ขาดวิตามิน หรือแร่ธาตุบางชนิด หรือในผู้หญิง วัยกลางคน (อายุ 30 - 60 ปี) บางคนที่มีผมร่วงเรื้อรังทั่วศีรษะหรือบริเวณรอยแสก โดยไม่ทราบสาเหตุชัดเจน ซึ่งการวินิจฉัยต้องอาศัยการแยกโรคหรือสาเหตุอื่น ๆ ออกไปก่อน โดยเฉพาะภาวะผมบางจากพันธุกรรมในเพศหญิง
การวินิจฉัยของแพทย์ จะอาศัยประวัติของผู้ที่มีผมร่วงอย่างฉับพลัน และมีสาเหตุกระตุ้นที่ชัดเจนก่อนมีผมร่วง การตรวจผม พบผมร่วงติดมือ โดยผมที่ร่วงออกมาอยู่ในระยะทีโลเจน ส่วนการรักษาอาการผมร่วงส่วนใหญ่มักจะเป็นอยู่นานประมาณ 3 เดือนแล้วค่อย ๆ ดีขึ้น ผู้ป่วยส่วนใหญ่ผมขึ้นใหม่ได้เอง หลังจากที่สาเหตุหรือปัจจัยกระตุ้นหมดไป ยกเว้นในรายที่มีสาเหตุที่ทำให้ผมร่วงยังคงอยู่ หรือเกิดซ้ำอีก จนทำให้ต่อมผมถูกทำลาย ซึ่งอาจทำให้ผมขึ้นได้ไม่เต็มเหมือนเดิม โดยเฉพาะในคนไข้ที่มีผมบางจากพันธุกรรมร่วมด้วยนั้น ความหนาแน่นของผมอาจจะขึ้นกลับมาไม่เท่าเดิม โดยการรักษาอาจพิจารณาให้ยาทาชนิด 5% Minoxidil Lotion เพื่อกระตุ้นให้ผมขึ้นกลับมาเร็วขึ้นร่วมกับการให้วิตามิน โดยวิตามินที่พบว่าขาดได้บ่อยในคนผมร่วงฉับพลัน ได้แก่ ธาตุเหล็ก สังกะสี วิตามินดี วิตามินบี 1, 5, 7 (ไบโอติน) และ 12 นอกจากนี้การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การทานโปรตีนให้เพียงพอและกรดอะมิโนแอซิดบางชนิด จะมีส่วนช่วยให้เส้นผมคืนสภาพกลับมาแข็งแรงได้เร็วขึ้น
No comments:
Post a Comment