บลจ.วรรณ โชว์ผลงานเติบโต 100% เพียง 5 เดือนทะลุเป้าหมายปี 2564 ดัน AUM ใกล้เคียง 2 แสนล้าน เทียบชั้นบลจ. ในเครือแบงค์ใหญ่ เตรียมกอง REIT Buy Back กองทรัสต์ที่มีข้อตกลงซื้อคืนกองแรกของไทย คาดเปิดเสนอขายปลายเดือนมิ.ย. 2564 นี้ เผยความสำเร็จพร้อมเปิดตัวบริษัทในเครือลุยธุรกิจแนะนำการลงทุนแบบครบวงจร ตั้งเป้าเป็น ONE - Stop Financial Service ให้กับผู้ลงทุน
นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า แผนงานของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา เติบโตได้ดีมากเกินกว่าเป้าหมายปี 2564 เดิมที่กำหนดไว้เมื่อต้นปี โดยสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) โดยช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาจะอยู่ที่ประมาณ 1.87 แสนล้านบาท ซึ่งมีจำนวนที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ บลจ.วรรณ นับตั้งแต่เปิดให้บริการ เติบโตจากปี 2563 ที่ประมาณ 1.5 แสนล้านบาท
“บลจ.วรรณ เราเติบโตได้เกินคาดมากช่วงเวลา 4-5 ปีที่ผ่านมาเราเติบโตมา 100% โดยที่ผ่านมาเราสามารถขยายฐานผู้ลงทุนในส่วนกองทุนส่วนบุคคลได้เพิ่มขึ้นเป็นอันดับหนึ่งซึ่งเติบโตมา 119% รองลงมาคือกองทุนรวม 84% และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 53% นอกจากนี้บริษัทมีอัตราการเติบโตที่มากกว่าเป้าหมายปี 2564 ทั้งปีภายใน 5 เดือน มี AUM เพิ่มขึ้นถึง 2.5 หมื่นล้านบาท เฉลี่ยเพิ่มเดือนละ 5 พันล้านบาท ซึ่งหลักใหญ่สำคัญที่ทำให้มีเติบโตในธุรกิจของบริษัทมาจากความสำเร็จในการบริหารพอร์ตเชิงรุกและการแนะนำกองทุนในช่วงเวลาต่างๆเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ลูกค้าได้ตามเป้าหมาย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือในภาวะโรคระบาด Covid-19 บริษัทได้แนะนำให้ลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์ไว้ตั้งแต่เริ่มต้นซึ่งสร้างผลตอบแทนให้กับลูกค้าจนทำให้บริษัทได้รับความไว้วางใจทั้งในส่วนลูกค้าบุคคลทั่วไป บริษัทสถาบันขนาดใหญ่และพันธมิตรที่ทำธุรกิจตัวกลางอย่างธนาคารและบริษัทหลักทรัพย์ โดยที่ผ่านมาบลจ.วรรณมียอดขายกองทุนร่วมกับธนาคารและบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำรวมกว่า 60 แห่งคิดเป็นยอดเงินลงทุนกว่า 5 หมื่นล้านบาท” นายพจน์กล่าว
ในส่วนของธุรกิจกองทุนรวม ปัจจุบันเรามีกองทุนภายใต้การบริหารครอบคลุมทุกๆตลาด ทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้บริษัทยังเสนอขายกองทุนทางเลือกหลายกองทุน เช่น กองทุนเปิด วรรณ ไลฟ์ เซทเทิลเมนท์ ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (ONE-LS-UI) ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในประกันชีวิตตลาดรองกองแรกและกองเดียวของประเทศไทย ทั้งยังเตรียมเสนอขายกองทุนทางเลือกต่อในรูปแบบกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นกองทรัสต์ที่มีสัญญาซื้อคืนกองแรกของประเทศไทย (REIT Buy Back) โดยประมาณการณ์ผลตอบแทนรวมอยู่ที่ 8% ต่อปีและมีสัญญาซื้อสินทรัพย์คืนจากเจ้าของใน 5 ปี ซึ่งผลตอบแทนรวมดีกว่าเมื่อเทียบกับการลงทุนระยะยาวในหุ้นกู้เอกชนส่วนใหญ่ในตลาด รวมทั้งกองมีระยะเวลาชัดเจนต่างจากกอง REIT และมีสินทรัพย์ที่เป็นที่ดินและโรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นหลักประกัน โดยคาดว่าจะเปิดเสนอขายได้ในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้
“ในครึ่งปีหลัง บริษัทเตรียมเพิ่มกองทุนทางเลือกทั้งในรูปของกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนในภาวะที่เศรษฐกิจยังได้รับผลกระทบจากภาวะ Covid-19 และรักษาผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนคาดหวัง ซึ่งเร็วๆนี้ จะเสนอขายกองทรัสต์บนทำเลโรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยาก่อน โดยเหมาะสำหรับลูกค้าที่ต้องการลงทุนระยะปานกลางถึงยาว (3-5 ปี) และต้องการรับผลตอบแทนที่มั่นคง” นายพจน์กล่าว
นายพจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ณ ปัจจุบันบริษัทมีความพร้อมสำหรับแผน 3 ปีข้างหน้าเรียบร้อย โดยบริษัทจะเปิดตัวบริษัทในเครือ เพื่อเสริมธุรกิจในส่วนของบริหารพอร์ตการลงทุนสำหรับลูกค้าโดยเฉพาะ ซึ่งจะให้คำปรึกษาในเรื่องผลิตภัณฑ์การลงทุนทุกประเภทและไม่จำกัดอยู่แต่เฉพาะกองทุนรวม เพื่อสร้างความแตกต่างและตอบรับกับเป้าหมายการลงทุนของลูกค้าได้ดีและหลากหลายยิ่งขึ้น คาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการได้อย่างเป็นทางการภายในไตรมาส 3 ของปีนี้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขออนุญาตเริ่มประกอบธุรกิจจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (“ก.ล.ต.”)
No comments:
Post a Comment