นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการเชื่อมโยงระบบอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียน หรือ ASEAN Single Window (ASW)ที่ด่านสะเดา จ.สงขลา โดยเป็นการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า หรือ e-Form D จากการลงพื้น พบว่า ด่านศุลกากรสะเดา ได้เริ่มใช้ ASW ตั้งแต่วันที่ 1ม.ค.61 จนถึงวันที่ 15 ก.พ.62 มีการรับATIGA e-Form D ผ่านระบบASW เพื่อประกอบการนำเข้าสินค้าทั้งสิ้น 6,050 ครั้ง ซึ่งการเชื่อมโยงระบบASW จะช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้า ลดภาระในเรื่องของการจัดส่งเอกสารพิธีการศุลกากรกระดาษ ซึ่งจะช่วยลดภาระการส่งข้อมูลซ้ำของเอกสารได้ถึง 60 – 70% ลดจํานวนการใช้เอกสารได้ 44% ลดระยะเวลาที่ใช้ในการเตรียมเอกสารและยื่นเอกสารลงได้ 70% และลดเวลาการ
ดําเนินงานของผู้นําเข้า-ส่งออกให้เหลือ 1-3 วันจากเดิม 8 - 10 วัน
นางอรมน กล่าวว่า สำหรับประเด็นที่อาเซียนให้ความสำคัญและพยายามผลักดันอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้อาเซียนจะร่วมกันผลักดันให้ระบบนี้เชื่อมโยงกันได้ครบทั้ง 10 ประเทศสมาชิก และในฐานะไทยเป็นประธานอาเซียนปีนี้มีเป้าหมายที่จะผลักดันการใช้ระบบดังกล่าวให้แล้วเสร็จในปีนี้ ซึ่งนอกจากการออกใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าแล้ว จะมีการขยายการออกใบรับรองด้านสุขอนามัย หรือ SPS ซึ่งไทยให้ความสำคัญกับอาหารและผักผลไม้ รวมถึงใบรับรองสินค้าอุตสาหกรรมผ่านอิเล็กทรอนิกส์ได้
ด้านนายศิริพงษ์ วุฑฒินันท์ นายด่านศุลกากรสะเดา ระบุว่า หลังจากเริ่มทดลองใช้ระบบดังกล่าว พบว่ามีการใช้แบบฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ประมาณร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับการใช้เอกสารแบบเดิม ซึ่งจากการใช้ระบบดังกล่าวซึ่งถือว่ายังไม่มากนัก เนื่องจากผู้ประกอบการยังไม่เข้าใจโดยขอให้กระทรวงพาณิชย์จัดอบรมให้ความรู้เพื่อดึงผู้ประกอบการให้มาใช้การเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้น
ปัจจุบัน สมาชิกอาเซียน 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์และเวียดนาม ได้เชื่อมโยงการใช้งานระบบดังกล่าวแล้ว ส่วนบรูไน กัมพูชาและหิลิปปินส์ ได้เริ่มทดสอบการเชื่อมโยงแล้ว ส่วนเทียนมาและสปป.ลาว อยู่ระหว่างพัฒนาระบบเพื่อเตรียมเข้าร่วมการทดสอบ โดยกรมศุลกากรและสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้านได้ร่วมช่วยเหลือเพื่อให้มีการใช้ทั้ง 10 ประเทศ.
นางอรมน กล่าวว่า สำหรับประเด็นที่อาเซียนให้ความสำคัญและพยายามผลักดันอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้อาเซียนจะร่วมกันผลักดันให้ระบบนี้เชื่อมโยงกันได้ครบทั้ง 10 ประเทศสมาชิก และในฐานะไทยเป็นประธานอาเซียนปีนี้มีเป้าหมายที่จะผลักดันการใช้ระบบดังกล่าวให้แล้วเสร็จในปีนี้ ซึ่งนอกจากการออกใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าแล้ว จะมีการขยายการออกใบรับรองด้านสุขอนามัย หรือ SPS ซึ่งไทยให้ความสำคัญกับอาหารและผักผลไม้ รวมถึงใบรับรองสินค้าอุตสาหกรรมผ่านอิเล็กทรอนิกส์ได้
ด้านนายศิริพงษ์ วุฑฒินันท์ นายด่านศุลกากรสะเดา ระบุว่า หลังจากเริ่มทดลองใช้ระบบดังกล่าว พบว่ามีการใช้แบบฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ประมาณร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับการใช้เอกสารแบบเดิม ซึ่งจากการใช้ระบบดังกล่าวซึ่งถือว่ายังไม่มากนัก เนื่องจากผู้ประกอบการยังไม่เข้าใจโดยขอให้กระทรวงพาณิชย์จัดอบรมให้ความรู้เพื่อดึงผู้ประกอบการให้มาใช้การเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้น
ปัจจุบัน สมาชิกอาเซียน 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์และเวียดนาม ได้เชื่อมโยงการใช้งานระบบดังกล่าวแล้ว ส่วนบรูไน กัมพูชาและหิลิปปินส์ ได้เริ่มทดสอบการเชื่อมโยงแล้ว ส่วนเทียนมาและสปป.ลาว อยู่ระหว่างพัฒนาระบบเพื่อเตรียมเข้าร่วมการทดสอบ โดยกรมศุลกากรและสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้านได้ร่วมช่วยเหลือเพื่อให้มีการใช้ทั้ง 10 ประเทศ.
No comments:
Post a Comment