แอลพีจีเอ 2019 ทุบสถิติ ชิงเงินรางวัลกว่า 2,257 ล้านบาท - The Siamese

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

Friday, December 7, 2018

แอลพีจีเอ 2019 ทุบสถิติ ชิงเงินรางวัลกว่า 2,257 ล้านบาท

แอลพีจีเอ ประกาศโปรแกรมแข่งขันในปี 2019 ออกมารวมทั้งหมด 33  รายการ มีเงินรางวัลให้ชิงชัยรวมมากที่สุด 70.55 ล้านดอลลาร์ หรือราว 2,257.6 ล้านบาท รายการใหม่สี่รายการและรูปแบบการเล่นใหม่สามแบบ ประเดิมกลางเดือนมกราคมถึงเดือนพฤศจิกายนในสหรัฐฯ และอีก 11 ประเทศ

หลังจากที่ฤดูกาล 2018 แอลพีจีเอทัวร์มี 32 รายการมีแชมป์ 26 คนจากชาติที่แตกต่างกันไป 10 ชาติรวมทั้งมี 10 คน ที่คว้าแชมป์ครั้งแรกของตัวเองในทัวร์เข้ามาสู่ปี 2019 มีการก้าวไปอีกด้วยการมี 33 รายการทางการแข่งขันใน 12 รัฐสหรัฐฯ และ 12 ประเทศ (รวมทั้งสหรัฐฯ) พร้อมกับเงินรางวัลให้ชิงชัยมากเป็นสถิติรวม 70.55 ล้านดอลลาร์ หรือราว 2,257.6 ล้านบาท มากกว่าปี 2018 ซึ่งรวม 65.35 ล้านดอลลาร์ หรือราว 2,090.56 ล้านบาท

ปี 2019 จะมีรายการใหม่สามรายการทั้งออสเตรเลีย เกาหลีใต้ รัฐฟลอริด้า และ มิชิแกน ของสหรัฐฯ และรูปแบบการแข่งขันสามแบบเริ่มต้นจากรายการแรกที่ฟลอริด้า รายการไดมอนด์ รีสอร์ตส์ ทัวร์นาเมนต์ ออฟ แชมเปี้ยนส์ ที่ฟลอริด้าระหว่างวันที่ 17-20 มกราคมนำเอาแชมป์สองฤดูกาลล่าสุด และบุคคลมีชื่อเสียง และนักกอล์ฟสมัครเล่นร่วมแข่งขันชิงเงินรางวัลรวม 1.2 ล้านดอลลาร์ นี่คือหนึ่งในสี่รายการใหม่

ไมค์ วาน ประธานบริหารแอลพีจีเอทัวร์ เผยว่า "เราอยู่ในช่วงหนึ่งในเวลาที่ตื่นเต้นที่สุดของประวัติศาสตร์แอลพีจีเอทัวร์ หากจะมองย้อนไปในฤดูกาล 2018 ของเราแล้วเป็นการแสดงให้เห็นถึงการเป็นทัวร์ของโลก และไม่ต้องสงสัยเลยว่าในปี 2019 ก็ยังเป็นอย่างนั้นแต่จะยิ่งก้าวไปอีกระดับ เราไม่เพียงแค่ภาคภุมิใจในการเติบโตของทัวร์เราแต่ยังมีเหล่าโปรสอนในทัวร์ของเรา และแอลพีจีเอ อเมเจอร์ และความพยายามร่วมมือกันระหว่างแอลพีจีเอ-ยูเอสจีเอ (สมาคมกอล์ฟสหรัฐฯ) เพื่อกอล์ฟเยาวชนหญิง"

รายการต่าง ๆ ในปี 2019 มีการเพิ่มเงินรางวัลขึ้นอีกหลายรายการ ทั้งยูเอส วีเมนส์ โอเพ่น และ รายการซีเอ็มอี กรุ๊ป ทัวร์ แชมเปี้ยนชิพ ทั้งสองมีเงินรางวัลรวมมากถึง 5 ล้านดอลลาร์ โดยทางสมาคมกอล์ฟสหรัฐอเมริกา (ยูเอสจีเอ) ยังไม่ยืนยันจนกว่าจะถึงเดือนเมษายนปี 2019 ว่ามีเงินรางวัลชิงชัยรวมมากว่า 5 ล้านดอลลาร์หรือไม่ โดยซีเอ็มอี ได้เพิ่มเงินรางวัลรายการสุดท้ายจากเดิม 2.5 ล้านไปเป็น 5 ล้านดอลลาร์แล้ว เงินรางวัลแชมป์จะได้รับมากถึง 1.5 ล้านดอลลาร์ มากที่สุดในรางวัลแชมป์ของประวัติศาสตร์กอล์ฟหญิง

รายการอื่น ๆ ที่เพิ่มเงินรางวัลมีทั้ง เอเอ็นเอ อินสปิเรชั่น เมเจอร์แรกแห่งปี เพิ่ม 200,000 ดอลลาร์ จากปี 2018 ขึ้นมาเป็น 3 ล้านดอลลาร์ รายการเคพีเอ็มจี วีเมนส์ พีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ เพิ่มขึ้น 200,000 ดอลลาร์จากปี 2018 เป็น 3.85 ล้านดอลลาร์ และ รายการดิเอวิยอง แชมเปี้ยนชิพ เมเจอร์สุดท้ายแห่งปี เพิ่มขึ้น 250,000 ดอลลาร์จากปีเป็น 4.1 ล้านดอลลาร์ ส่วนรายการเอไอจี วีเมนส์ บริติช โอเพ่น เมเจอร์ที่สี่แห่งปียังไม่ประกาศเงินรางวัลแต่ยืนยันว่าอย่างน้อย 3.25 ล้านดอลลาร์ และรายการแอลพีจีเอ เมดีเฮล แชมเปี้ยนชิพ จะเพิ่มขึ้น 300,000 ดอลลาร์เป็น 1.8 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่รายการมาราธอน คลาสสิก เพิ่มขึ้น 150,000 ดอลลาร์เป็น 1,750,000 ดอลลาร์

สำหรับรายการใหม่สี่รายการนอกจาก ไดมอนด์ รีสอร์ตส์ ทัวร์นาเมนต์ ออฟ แชมเปี้ยนส์ ที่ฟลอริด้า ระหว่างวันที่ 17-20 มกราคมแล้วยังมีเดอะ วิค โอเพ่น รายการร่วมของแอลพีจีเอทัวร์ และ เลดี้ส์ ยูโรเปี้ยนทัวร์ ที่ออสเตรเลีย ทำให้ในออสเตรเลียมีสองรายการในเดือนกุมภาพันธ์ร่วมกับไอเอสพีเอส ฮันดะ วีเมนส์ ออสเตรเลี่ยน โอเพ่น ที่มีมาหลายปีแล้ว และยังมีรายการใหม่บีเอ็มดับเบิ้ลยู เลดี้ส์ แชมเปี้ยนชิพ ที่แอลพีจีเอ อินเตอร์เนชั่นแนล เมืองพูซาน ประเทศเกาหลีใต้ และอีกรายการในสหรัฐฯ ที่รัฐมิชิแกน เดอะ ดาว เกรท เลคส์ เบย์ อินวิเทชั่นแนล ในเดือนกรกฏาคม และมีอีกหนึ่งรายการที่ยังไม่ประกาศ แต่ช่วงแข่งขันระหว่างวันที่ 13-16 พฤศจิกายน มีเงินรางวัลชิงชัยรวม 2.1 ล้านดอลลาร์

ปีหน้ายังมีกอล์ฟทีมรายการใหญ่ระหว่างสหรัฐอเมริกากับรวมยุโรปอย่างโซลไฮม์ คัพ แข่งขันที่เกล็นอีเกิ้ลส์ เมืองเพิร์ธเชอร์ แคว้นสกอตแลนด์ สหราชอาณาจักร ระหว่างวันที่ 12-15 กันยายน

การต่อสู้แย่งแชมป์เดอะเรซ ทู เดอะซีเอ็มอี โกลบ เพื่อเชิงเงินรางวัลโบนัส 1 ล้านดอลลาร์นั้นจะเปลี่ยนรูปใหม่การนำเอานักกอล์ฟเข้าไปเล่นรายการซีเอ็มอี กรุ๊ป ทัวร์ แชมเปี้ยนชิพ รายการสุดท้ายแห่งปี ที่ฟลอริด้าจาก 72 อันดับหรือร่วมของเรซทู เดอะ ซีเอ็มอีฯ มาเป็น 60 คนเพื่อชิงเงินรางวัลรวมรายการ 5 ล้านดอลลาร์ และแชมป์ได้รับไป 1.5 ล้านดอลลาร์ดังกล่าว และจะเป็นปีที่สองที่จะมีรางวัลโบนัสนักกอล์ฟสร้างผลงานจบลงใน 10 อันดับแรกมากที่สุดทั้งฤดูกาลจะได้รับเงินรางวัลโบนัส 100,000 ดอลลาร์ โดยที่ปี 2018 "โปรเม" เอรียา จุฑานุกาล คว้ารางวัลนี้ไปและเธอกวาดทุกวัลในทัวร์

แอลพีจีเอทัวร์จะเพิ่มการถ่ายทอดสดในโทรทัศน์สหรัฐฯ โดยกอล์ฟแชนแนล และเน็ตเวิร์ก ทีวี กว่า 450 ชั่วโมง และอีกกว่า 475 ชั่วโมงจากกว่า 175 ประเทศทั่วโลก

ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.lpga.com

No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad

Pages