เกษตรฯ ย้ำ มั่นใจ เดินหน้าสร้างความเข้มแข็งชุมชน ผ่านโครงการเสริมสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรรายย่อย

นายสำราญ สาราบรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวถึงผลการดำเนินโครงการเสริมสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรรายย่อย ว่า แม้โครงการนี้ฯ จะจบไปตั้งแต่เดือนกันยายน 2561 ที่ผ่านมา แต่กรมส่งเสริมการเกษตรก็ยังติดตามโครงการนี้ในทุกระยะและให้การดูแลเกษตรกรทุกโครงการมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลสำเร็จโครงการที่เกิดขึ้น มีเกษตรกรที่ผ่านการฝึกอบรมและได้รับใบประกาศนียบัตร จำนวน 1,620,265 ราย และมีโครงการฯ ของชุมชน ที่ได้รับการพิจารณาอนุมัติโครงการของกลุ่มย่อย ในชุมชน รวมจำนวน 8,938 ชุมชน 24,984 โครงการ วงเงิน 2,617.62 ล้านบาท แยกตามประเภทโครงการ ได้แก่ ด้านการผลิตพืช และพันธุ์พืช จำนวน 4,736 โครงการ, ด้านการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ และการปรับปรุงบำรุงดิน จำนวน 2,753 โครงการ, ด้านการจัดการศัตรูพืช จำนวน 301 โครงการ, ด้านฟาร์มชุมชน จำนวน 503 โครงการ, ด้านผลิตอาหาร การแปรรูปผลผลิต และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร จำนวน 7,288 โครงการ, ด้านปศุสัตว์ จำนวน 4,671 โครงการ, ด้านประมง จำนวน 3,867 โครงการ, ด้านการผลิตแมลงเศรษฐกิจ จำนวน 864 โครงการ, ด้านการเกษตรอื่นๆ จำนวน 1โครงการ

อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลจากการประเมินผลโครงการเบื้องต้นโดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เกษตรกรชอบโครงการลักษณะนี้มากที่สุด เพราะได้ฝึกทักษะในการประกอบอาชีพทางการเกษตรจากการลงมือปฏิบัติจริง ทั้งด้านการผลิต การตลาด และการบริหารจัดการผลผลิตทางการเกษตรจริง และชุมชนส่วนใหญ่เดินหน้าต่อโ ครงการสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรรายย่อย ต่อทำให้เกิดกระแสเงินหมุนเวียนภายในชุมชน เกษตรกรรายย่อยมีรายได้เพิ่มมากขึ้น มีอาชีพเสริมไว้เลี้ยง ดูตัวเอง และจากการติดตามโครงการฯ พบว่า มีเกษตรกรหลายกลุ่มที่ประสบความสำเร็จและสามารถสร้างรายได้ให้ตัวเองได้ มีการบริหารจัดการกลุ่มที่ดี มีเงินทุนหมุนเวียน เช่น เกษตรกรชุมชน ที่4 ตำบลศรีนาวา อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก ได้ทำโครงการเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์ชันโรง โดยกลุ่มเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์ชันโรง ชันโรงเป็นแมลงตัวเล็กที่จะช่วยผสมเกสรให้พืชผลทางการเกษตร และยังสามารถสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร จากการเก็บน้ำผึ้งชันโรงสด และนำมาแปรรูปเป็นสบู่ ครีมทาผิว สิปสติก จำหน่ายตามร้านค้าในชุมชนและนอกชุมชน และจำหน่ายทางออนไลน์ ปัจจุบันมีเงินกองทุนหมุนเวียน 158,500 บาท ทำให้สมาชิกในกลุ่มมีรายได้เพิ่มมากขึ้น และ เกษตรกรบ้านบุญเจริญ หมู่ที่1 ชุมชนแม่หล่าย

จังหวัดแพร่ มีการจัดทำโครงการแปรรูปหมูกระจกแคปหมู โดยมีการจัดตั้งคณะกรรมการ กำหนดโครงสร้าง หน้าที่รับผิดชอบ รวมทั้งวางแผนการผลิต การจัดจำหน่ายอย่างเป็นระบบเพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มจากการผลิตหมูกระจกและแคปหมูที่สามารถจำหน่ายได้ทั้งภายในและภายนอกชุมชน ปัจจุบันมีกลุ่มเงินทุนหมุนเวียนจำนวน 43,853 บาท ปันผลกำไรให้สมาชิก 30% จัดตั้งกองทุน 7% สาธารณประโยชน์ 3% นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง และจัดเป็นแหล่งการเรียนรู้การผลิตและแปรรูปอาหารจากผลผลิตทางการเกษตรที่สำคัญของชุมชนอีกด้วยแม้ว่าจะมีเกษตรกรบางชุมชนที่ติดขัดปัญหา ทางกรมส่งเสริมการเกษตรยินดีที่จะให้คำปรึกษาและสามารถสอบถามและขอคำปรึกษาได้ และยังได้กำชับให้ใช้หลักตลาดนำการผลิต ให้สินค้าที่เกษตรกรผลิตทุกอันจะต้องขายได้ และได้กำชับให้ เกษตรอำเภอ ติดตามเรื่องนี้เพราะเป็นโครงการที่สามารถเกิดประโยชน์กับเกษตรกรอย่างแท้จริง