เริ่มแล้ว! “ บพข. สร้างสรรค์เศรษฐกิจไทย เชื่อมโลกด้วยงานวิจัยและนวัตกรรม หรือ PMUC RESEARCH for Thailand’s Competitiveness 2023 ” งานแรกที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่จาก บพข. เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดการใช้ประโยชน์จากงานวิจัยและนวัตกรรมได้อย่างเป็นรูปธรรม ร่วมรับฟังเสวนาจุดประกายความคิดในการเพิ่มขีดความสามารถของประเทศด้วยงานวิจัยและนวัตกรรมจากซีอีโอองค์กรชั้นนำของประเทศ พร้อมชมต้นแบบผลิตภัณฑ์จากงานวิจัยที่ผ่านเส้นทางจากห้องปฏิบัติการสู่เชิงพาณิชย์ รวมถึงผลงานวิจัยเด่นที่ถูกผลักดันให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่ใช่สำหรับผู้ใช้จาก 8 กลุ่มอุตสาหกรรม กิจกรรม Hackathon ที่เปิดโอกาสให้นักวิจัยและผู้ประกอบการได้รับการอบรมเชิงปฏิบัติการในการเขียนโครงการขอรับทุนวิจัยจาก บพข. และพลาดไม่ได้ .. กับการนำเสนอผลงานวิจัยเทคโนโลยีขั้นสูง (Research Pitching) ที่พร้อมต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ โอกาสของนวัตกรรมไทยก้าวไกลระดับโลก เปิดตัวสู่สากลอย่างยิ่งใหญ่เป็นครั้งแรก 26 - 27 เมษายนนี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ภายใต้สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดงาน “ บพข. สร้างสรรค์เศรษฐกิจไทย เชื่อมโลกด้วยงานวิจัยและนวัตกรรม ประจำปี 2566 หรือ PMUC Research for Thailand’s Competitiveness 2023” ขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เป็นครั้งแรก โดยมี
รศ.ดร.สิรี ชัยเสรี ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศกล่าวว่า บพข. มีภารกิจหลักในการจัดสรรทุนวิจัย และสร้างนวัตกรรมเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของภาคการผลิตและภาคบริการ รวมถึงสนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยี การสร้างตลาดนวัตกรรม การส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรมในเชิงพาณิชย์เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยมุ่งเน้นบริหารจัดการทุนที่ส่งเสริมให้เกิดการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม และศาสตร์ต่าง ๆ เชื่อมโยง Value Chain ที่ก่อให้เกิด “อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์และบริการมูลค่าสูง” สร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ พัฒนาสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
“ บพข. เกิดขึ้นเพื่อปฏิบัติภารกิจ “ปิดช่องว่าง” ของปัญหาในระบบวิจัยไทย ขับเคลื่อนผลงานวิจัยให้ลงจากหิ้งออกจากห้องปฏิบัติการไปสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ให้มากที่สุด เพื่อ “พลิกโฉมประเทศให้เป็นประเทศพัฒนาแล้ว และพร้อมสำหรับโลกอนาคต” ตามแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) พ.ศ.2566 – 2570 จากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยบทบาทของ บพข. จะเป็นหน่วยที่ให้ทุนกับทุกภาคส่วน มุ่งนำเอางานวิจัยมาพัฒนาและต่อยอดให้เป็นจริงในเชิงพาณิชย์หรือเชิงอุตสาหกรรมได้ ซึ่งในช่วง 3 ปีที่ก่อตั้งมา บพข. ได้มีการจัดสรรทุนวิจัยด้านการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไปแล้วกว่า 907 โครงการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท มีเอกชนทั้งรายใหญ่และรายย่อยร่วมสนับสนุนโครงการมากกว่า 500 บริษัท ”
อย่างไรก็ดี บพข. ได้เล็งเห็นโอกาสในการขับเคลื่อนให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานวิจัยภาครัฐ และภาคเอกชน ให้เกิดการใช้ประโยชน์จากงานวิจัยและนวัตกรรมได้อย่างเป็นรูปธรรม สามารถยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ จึงได้จัดงาน “ บพข. สร้างสรรค์เศรษฐกิจไทย เชื่อมโลกด้วยงานวิจัยและนวัตกรรม ประจำปี 2566 หรือ PMUC Research for Thailand’s Competitiveness 2023 ” ขึ้นในครั้งนี้เพื่อนำเสนอผลงานวิจัยเด่นจาก บพข. สำหรับผู้ประกอบการหรือนักลงทุน ที่มองหางานวิจัยพร้อมใช้ ได้มีโอกาสพบปะกับนักวิจัยเจ้าของผลงานที่พร้อมก้าวเดินและร่วมผลักดันให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่ใช่สำหรับผู้ใช้ในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม
ส่วนภาคนิทรรศการ มีการนำเสนอศักยภาพของผลงานวิจัยไทยที่ บพข. ให้การสนับสนุนการทำงานร่วมกันระหว่างนักวิจัยกับผู้ประกอบการ ใน 8 กลุ่มอุตสาหกรรม และที่น่าสนใจ คือ ตัวอย่างผลงานวิจัยที่ได้รับการผลักดันจนสามารถออกสู่ตลาดได้สำเร็จ เช่น “ เส้นโปรตีนไข่ขาว ” นวัตกรรมด้านอาหารที่ช่วยให้คนไทยมีสุขภาพที่ดี ผลงานวิจัยจากคณะสหเวชศาสตร์ และบริษัท ทานดี อินโนฟูดจำกัด ภายใต้ศูนย์บ่มเพาะธุรกิจ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เอาใจคนชอบกินเส้น โดยทำจากโปรตีนไข่ขาว 100% โปรตีนสูง ไขมันต่ำ และปราศจากกลูเตน ผลงานนี้ได้รับรางวัลมาแล้วมากมาย และเป็น 1 ใน 21 ทีมสุดท้ายที่ผ่านการประกวดสตาร์ทอัพด้านอาหารแห่งอนาคต ซึ่งได้มีโอกาสเสิร์ฟให้กับผู้นำเขตเศรษฐกิจในการประชุมเอเปคที่ผ่านมา ปัจจุบันมีการผลิตเพื่อจำหน่ายภายใต้แบรนด์ “ทานน์ดี” นอกจากนี้ยังมี “ฟิล์มปิดหน้าถาดบรรจุภัณฑ์จากเม็ดพลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ” ผลงานวิจัยจากศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ซึ่งต่อยอดความร่วมมือกับมูลนิธิโครงการหลวงและ บริษัท ทานตะวันอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) ในการประยุกต์ใช้กับถาดสลัดของโครงการหลวง ที่นอกจากจะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังมีความบาง ใส ไม่เกิดฝ้า และช่วยยืดอายุผักสลัดให้คงสภาพสดใหม่ในชั้นวางจำหน่าย และ “นํ้ายาล้างผักจากเอนไซม์สลายสารพิษฆ่าแมลงที่ตกค้างในผักและผลไม้” ผลงานวิจัยจาก บริษัท ไบโอม จำกัด ดีพเทคสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีชีวภาพ ซึ่ง spin-off จากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และร่วมทุนกับ บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) โดยน้ำยาล้างผักฯ นี้มีจุดเด่นที่เป็นการสลายโครงสร้างความเป็นพิษของยาฆ่าแมลง ไม่ใช่การชะล้างเหมือนน้ำยาล้างผักทั่ว ๆ ไป ทำให้เป็นการตัดวงจรความเป็นพิษ ไม่มีสารพิษตกค้างในน้ำ จึงปลอดภัยกับผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม
และกิจกรรม Hackathon “PMUC HACK” ที่เปิดโอกาสให้นักวิจัยและผู้ประกอบการได้รับการอบรมเชิงปฏิบัติการในการเขียนโครงการขอรับทุนวิจัย เพื่อนำไปสู่การนำไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ในอุตสาหกรรมมุ่งเป้าทั้ง 8 ด้าน รวมถึงกิจกรรมการบรรยายในหัวข้อต่าง ๆ ที่จะจุดประกายความคิด ให้เห็นถึงโอกาสจากการทำธุรกิจจากงานวิจัย และเส้นทางการพัฒนาธุรกิจ รวมถึงวิธีการที่จะนำพาธุรกิจไปสู่ตลาดต่างประเทศ
ผู้บริหาร บพข. ย้ำ .. สิ่งที่นำมาจัดแสดงจะเป็นสิ่งที่ผลิตได้จริง ใช้ประโยชน์ได้จริงและสามารถนำไปสู่เชิงพาณิชย์ได้จริง
เรียกได้ว่า งานนี้..พลาดไม่ได้ ! โดยเฉพาะนักวิจัย ผู้ประกอบการและผู้สนใจ ที่อยากจะทำ “ธุรกิจจากงานวิจัย” และ “สร้างความแตกต่างในการแข่งขัน” ขอเชิญชวนมาชมศักยภาพของคนไทยในการทำงานวิจัย และเชื่อมโยงงานวิจัยไปสู่การสร้างเศรษฐกิจของประเทศ “ โอกาสรออยู่ ” ซึ่ง บพข. พร้อมที่จะร่วมผลักดันให้เกิดการนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ได้จริง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศไทย.
No comments:
Post a Comment