สำหรับการเติบโตทางธุรกิจในขณะนี้จะเห็นว่าบริษัทยังอยู่ในเทรนด์ของการเติบโต โดยในปีนี้ WARRIX ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ที่ 20-30% ด้วยโครงสร้างรายได้จากธุรกิจที่หลากหลายมากขึ้น ประกอบด้วย ธุรกิจเดิมอย่างธุรกิจสปอร์ตไลเซนซิ่ง (Sport Licensing) และสินค้าทั่วไป (Non – Licensed) ในปีนี้จะขยายไปสู่ตลาดวิ่ง บาสเก็ตบอล และกอล์ฟ รวมถึงไลฟ์สไตล์มากขึ้น พร้อมทั้งขยายช่องทางขาย เปิดจุดขายในห้างโมเดิร์นเทรด เพื่อกระจายฐานลูกค้าต่างจังหวัด
ขณะเดียวกันจะยกระดับการขยายธุรกิจไปอีกขั้น เพื่อเป้าหมายการพาแบรนด์ไทยให้เติบโตสู่ตลาดโลก ล่าสุดบริษัทได้เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท Premier Football ในประเทศสิงคโปร์
นอกจากนี้ บริษัทยังได้ลงทุนซื้อสิทธิเครื่องหมายการค้าของ “Fit Junctions” สถาบันฝึกสอนการออกกําลังกายและโภชนาการ จะช่วยให้บริษัทได้รับสิทธิในช่องทาง Social Media อย่าง Facebook YouTube TikTok และเว็บไซต์ รวมถึงสื่อการสอนในรูปแบบ E-Book และคลิปวิดีโอ ฯลฯ ซึ่งจะช่วยเสริมธุรกิจออนไลน์ของบริษัทและความแข็งแกร่งให้ธุรกิจด้านสุขภาพของ WARRIX ในอนาคต ทั้งนี้คาดว่ารายได้จากธุรกิจใหม่ทั้ง Fit Junctions และ Premier Football จะช่วยให้เสริมยอดขายของบริษัทในปีนี้ให้เติบโตขึ้น โดยเฉพาะรายได้ที่มาจากช่องทางออนไลน์
ปัจจุบันยอดขายของบริษัทมาจากสินค้าสปอร์ตไลเซนซิ่ง (Sport Licensing) สัดส่วน 21% ที่เหลือ 78% เป็นสินค้าทั่วไป (Non – Licensed) และอีก 1% มาจากเป็นธุรกิจสุขภาพ (Health) ซึ่งการรุกธุรกิจด้านอื่นควบคู่กันไปจึงจะทำให้บริษัทสร้างรายได้จากหลายหลายช่องทาง โดยบริษัทยังมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาธุรกิจให้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้
“คนส่วนใหญ่จะรู้จักเราในฐานะแบรนด์ฟุตบอล หรือผู้สนับสนุนเสื้อผ้าทีมชาติ แท้จริงแล้วเราเป็นแบรนด์กีฬา แล้วเราต้องการขยายไปสู่ Active Lifestyle เข้าไปอยู่ในทุกช่วงจังหวะชีวิตของคน ทั้งด้านสุขภาพหรือการออกกำลังกาย พอร์ตของเราก็จะขยายมากกว่าเรื่องของฟุตบอล หากเทียบสัดส่วนคนไทยจะพบว่า 14 ล้านคน หรือ 20% เป็นแฟนฟุตบอล ประชากรกลุ่มนี้จะสร้างโอกาสการเติบโตรายได้ส่วนของไลเซนส์ แต่ประชากรนอกกลุ่มนี้ก็จะสร้างโอกาสให้กับสินค้านอนไลเซนส์ให้เติบโตควบคู่กันไป” นายวิศัลย์ กล่าว
สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปี 2565 WARRIX มีกำไรสุทธิ 128.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 113.53 ล้านบาท หรือ 752% จากงวดปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 14.2 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นในทุกช่องทางการขาย โดยเฉพาะสถานการณ์โควิดที่คลี่คลายและรัฐบาลมีการเปิดประเทศส่งผลให้กิจกรรมต่างๆ สามารถกลับมาจัดงานได้ตามปกติ ทั้งหน่วยงานรัฐ เอกชน ประกอบกับประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนที่บริษัทพยายามปรับปรุงในช่วงที่ผ่านมา
No comments:
Post a Comment