สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณี (GIT) พัฒนา “ ฐานข้อมูลอัจฉริยะแหล่งอัญมณีโลก(AI) ” ประยุกต์ใช้เอไอบ่งชี้แหล่งที่มา เพิ่มขีดความสามารถในการตรวจวิเคราะห์และสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค
นายชเนนทร์กันต์ จักรวาลวิบูลย์ และ ดร.ภูวดล วรรธนะชัยแสง เปิดเผยว่า.. ปัจจุบันการระบุแหล่งกำเนิดของอัญมณีในใบรับรองอัญมณีกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากส่งผลต่อมูลค่าของอัญมณี โดยในการระบุแหล่งกำเนิดนั้น ต้องใช้ข้อมูลทั้งองค์ประกอบทางเคมี และลักษณะทางสเปกโทรสโกปี ที่ได้จากการวิเคราะห์ของเครื่องมือขั้นสูงมาประกอบการพิจารณา ซึ่งมีข้อมูลจำนวนมากและมีความซับซ้อนในการวิเคราะห์เพื่อให้ได้ผลที่แม่นยำและมีประสิทธิภาพ ทีมวิจัยนี้จึงนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ (AI) มาช่วยในการจัดกลุ่มข้อมูลแหล่งกำเนิดอัญมณีต่างๆเพื่อให้สามารถระบุแหล่งที่มาได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการออกใบรับรองอัญมณี
ทั้งนี้ “ ฐานข้อมูลอัจฉริยะแหล่งอัญมณีโลก (AI) ” ในปีที่ 1-2 จะเป็นการวิเคราะห์แหล่งกำเนิดของทับทิมและไพลินจากฐานข้อมูลองค์ประกอบเคมี ข้อมูลลักษณะเชิงโครงสร้าง ข้อมูลรูปแบบการเรืองแสงและการดูดกลืนแสง ซึ่งสัมพันธ์กับธาตุร่องรอยที่ให้สีในพลอย มีการทดสอบเปรียบเทียบผลวิเคราะห์ เพื่อบ่งชี้แหล่งกำเนิดของทับทิมและไพลิน โดยดำเนินการพลอยตัวอย่าง (unknown samples) กับฐานข้อมูลที่จัดทำขึ้นด้วยโปรแกรมประมวลผลอัจฉริยะ ที่มีชื่อว่า “ AI for Gem Origin Determination (AIGOD) ” สำหรับเป็นต้นแบบในการพัฒนาระบบการวิเคราะห์แหล่งกำเนิดอัญมณี สำหรับห้องปฏิบัติการอัญมณีของสถาบัน ในการออกใบรับรองผล ที่สามารถสร้างความน่าเชื่อถือและความแม่นยำในการตรวจรับรองที่สูงขึ้นในอนาคต ซึ่งสามารถวิเคราะห์แหล่งกำเนิดของทับทิมได้มีความถูกต้องมากกว่า 90 %
นายชเนนทร์กันต์ กล่าวว่า.. ฐานข้อมูลดังกล่าวถือเป็นเครื่องมือที่ช่วยสนับสนุนการวิเคราะห์แหล่งกำเนิด ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากที่สุดอย่างหนึ่งของนักอัญมณีศาสตร์ในการสรุปผล การนำข้อมูลวิเคราะห์จากเครื่องมือขั้นสูงต่างๆ มาใช้ AI ในการจัดจำแนกและระบุแหล่งกำเนิด ทำให้สามารถสรุปผลแหล่งกำเนิดอัญมณีได้รวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น จึงสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการสนับสนุนการระบุแหล่งอัญมณีในใบรายงานผลอัญมณี ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดอัญมณีและเครื่องประดับในปัจจุบัน ทำให้เกิดการซื้อขายได้อย่างรวดเร็ว ส่งเสริมเศรษฐกิจให้มีเงินหมุนเวียนและสนับสนุนการส่งออกของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทยได้อย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ ยังมีการค้นพบแหล่งกำเนิดใหม่ ที่ต้องมีการจัดหาตัวอย่างอัญมณีและจัดทำฐานข้อมูลให้ทันกับตลาดการค้าอัญมณีของโลกในปัจจุบัน ดังนั้น การทำวิจัยที่ต่อเนื่องและงบประมาณที่เพียงพอในการจัดหาตัวอย่างและการพัฒนาโปรแกรมและฐานข้อมูล จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้โครงการฐานข้อมูลอัจฉริยะแหล่งอัญมณีโลก สามารถช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทยได้อย่างยั่งยืน
นายชเนนทร์กันต์ จักรวาลวิบูลย์ และ ดร.ภูวดล วรรธนะชัยแสง เปิดเผยว่า.. ปัจจุบันการระบุแหล่งกำเนิดของอัญมณีในใบรับรองอัญมณีกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากส่งผลต่อมูลค่าของอัญมณี โดยในการระบุแหล่งกำเนิดนั้น ต้องใช้ข้อมูลทั้งองค์ประกอบทางเคมี และลักษณะทางสเปกโทรสโกปี ที่ได้จากการวิเคราะห์ของเครื่องมือขั้นสูงมาประกอบการพิจารณา ซึ่งมีข้อมูลจำนวนมากและมีความซับซ้อนในการวิเคราะห์เพื่อให้ได้ผลที่แม่นยำและมีประสิทธิภาพ ทีมวิจัยนี้จึงนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ (AI) มาช่วยในการจัดกลุ่มข้อมูลแหล่งกำเนิดอัญมณีต่างๆเพื่อให้สามารถระบุแหล่งที่มาได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการออกใบรับรองอัญมณี
ทั้งนี้ “ ฐานข้อมูลอัจฉริยะแหล่งอัญมณีโลก (AI) ” ในปีที่ 1-2 จะเป็นการวิเคราะห์แหล่งกำเนิดของทับทิมและไพลินจากฐานข้อมูลองค์ประกอบเคมี ข้อมูลลักษณะเชิงโครงสร้าง ข้อมูลรูปแบบการเรืองแสงและการดูดกลืนแสง ซึ่งสัมพันธ์กับธาตุร่องรอยที่ให้สีในพลอย มีการทดสอบเปรียบเทียบผลวิเคราะห์ เพื่อบ่งชี้แหล่งกำเนิดของทับทิมและไพลิน โดยดำเนินการพลอยตัวอย่าง (unknown samples) กับฐานข้อมูลที่จัดทำขึ้นด้วยโปรแกรมประมวลผลอัจฉริยะ ที่มีชื่อว่า “ AI for Gem Origin Determination (AIGOD) ” สำหรับเป็นต้นแบบในการพัฒนาระบบการวิเคราะห์แหล่งกำเนิดอัญมณี สำหรับห้องปฏิบัติการอัญมณีของสถาบัน ในการออกใบรับรองผล ที่สามารถสร้างความน่าเชื่อถือและความแม่นยำในการตรวจรับรองที่สูงขึ้นในอนาคต ซึ่งสามารถวิเคราะห์แหล่งกำเนิดของทับทิมได้มีความถูกต้องมากกว่า 90 %
นายชเนนทร์กันต์ กล่าวว่า.. ฐานข้อมูลดังกล่าวถือเป็นเครื่องมือที่ช่วยสนับสนุนการวิเคราะห์แหล่งกำเนิด ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากที่สุดอย่างหนึ่งของนักอัญมณีศาสตร์ในการสรุปผล การนำข้อมูลวิเคราะห์จากเครื่องมือขั้นสูงต่างๆ มาใช้ AI ในการจัดจำแนกและระบุแหล่งกำเนิด ทำให้สามารถสรุปผลแหล่งกำเนิดอัญมณีได้รวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น จึงสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการสนับสนุนการระบุแหล่งอัญมณีในใบรายงานผลอัญมณี ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดอัญมณีและเครื่องประดับในปัจจุบัน ทำให้เกิดการซื้อขายได้อย่างรวดเร็ว ส่งเสริมเศรษฐกิจให้มีเงินหมุนเวียนและสนับสนุนการส่งออกของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทยได้อย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ ยังมีการค้นพบแหล่งกำเนิดใหม่ ที่ต้องมีการจัดหาตัวอย่างอัญมณีและจัดทำฐานข้อมูลให้ทันกับตลาดการค้าอัญมณีของโลกในปัจจุบัน ดังนั้น การทำวิจัยที่ต่อเนื่องและงบประมาณที่เพียงพอในการจัดหาตัวอย่างและการพัฒนาโปรแกรมและฐานข้อมูล จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้โครงการฐานข้อมูลอัจฉริยะแหล่งอัญมณีโลก สามารถช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทยได้อย่างยั่งยืน
No comments:
Post a Comment