สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และเครือข่ายลดบริโภคเค็ม ร่วมกับองค์การอนามัยโลก ร่วมหนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ “ลดการบริโภคเกลือโซเดียม” ในประเทศไทย สานเสริมพลังความร่วมมือขับเคลื่อนสังคมเพื่อลดการบริโภคเกลือและโซเดียมให้เกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม เร่งปรับพฤติกรรมการบริโภคอาหารของประชาชนให้เหมาะสมและลดการบริโภคเค็ม (โซเดียม) ที่มากเกินพอดี เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพดีและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคที่ไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ภายในปี 2568 ให้ได้ 30 เปอร์เซ็นต์
1. จะต้องมีการร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมในการปรับสูตรอาหาร โดยอาจกำหหนดเพดานปริมาณโซเดียม หรือการตั้งเป้าหมายการลดปริมาณโซเดียมแบบบังคับ มีการพัฒนาเมนูลดโซเดียมในร้านอาหาร และมีการใช้มาตรการทางการเงิน (เก็บภาษีหรือให้เงินสนับสนุน)จากภาครัฐ
2. มาตรการองค์กรโดยใช้นโยบายการจัดซื้อและจัดหาอาหารโซเดียมต่ำในโรงเรียน โรงพยาบาล และสถานที่ทำงาน
3. กำหนดให้ฉลากหน้าบรรจุภัณฑ์แสดงข้อมูลที่ชัดเจน เช่น คำเตือนโซเดียมสูง หรือระบุปริมาณโซเดียมโดยสีสัญญานไฟจราจรและ
4. การรณรงค์เพื่อลดการบริโภคโซเดียมผ่านการสื่อสารเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม พร้อมกับการรณรงค์ และสื่อสารกับประชาชนในทุกทิศทาง
1. กลุ่มอาหารแช่แข็ง 53 รายการ มีโซเดียมเฉลี่ย 890 มิลลิกรัม/บรรจุภัณฑ์ มากกว่าคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกที่กำหนดให้ปริมาณโซเดียมจากอาหารหลักควรได้รับไม่เกิน 600 มิลลิกรัม/มื้อ
2. กลุ่มอาหารกึ่งสำเร็จรูป 300 รายการ ได้แก่ บะหมี่ โจ๊กและซุปกึ่งสำเร็จรูป มีโซเดียมเฉลี่ย 1,240 มิลลิกรัม มากกว่า 2 เท่าของคำแนะนำขององค์อนามัยโลกที่กำหนดให้ปริมาณโซเดียมจากอาหารหลักควรได้รับไม่เกิน 600 มิลลิกรัม/มื้อ
3. กลุ่มขนมขบเคี้ยว 400 รายการ โดยแบ่งเป็นกลุ่มขนมขบเคี้ยวรสชาติเค็ม ได้แก่ มันฝรั่ง ข้าวเกรียบ ถั่ว สาหร่าย ปลาเส้น 320 รายการ มีค่าโซเดียมเฉลี่ย 201 มิลลิกรัมต่อหน่วยบริโภค ซึ่งมากกว่าคำแนะนำจากองค์การอนามัยโลกที่กำหนดให้ปริมาณโซเดียมจากอาหารระหว่างมื้อควรได้รับ ไม่เกิน 100 มิลลิกรัมต่อมื้อ และ
4. กลุ่มเครื่องปรุงรส 100 รายการ มีโซเดียมเฉลี่ย 758 มิลลิกรัมต่อหน่วยบริโภค และเมื่อนำผลการสำรวจมาเทียบเกณฑ์แนะนำของ WHO (sodium benchmark) พบว่า แม้ในแต่ละกลุ่มจะมีบางผลิตภัณฑ์ที่มีปริมาณโซเดียมผ่านเกณฑ์ แต่ค่าเฉลี่ยของโซเดียมในผลิตภัณฑ์อาหารแต่ละกลุ่มล้วนสูงกว่าเกณฑ์ดังกล่าวทั้งสิ้น
ด้าน นพ.ชนาธิป ไชยเหล็ก นักศึกษาหลักสูตรสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต คณะสาธารณสุขศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า งานวิจัยเรื่องแนวโน้มปริมาณโซเดียมและลักษณะทั่วไปของอาหารกึ่งสำเร็จรูปที่จำหน่ายในประเทศไทย พ.ศ. 2561-2564 มีวัตถุประสงค์เพื่อบรรยายแนวโน้มปริมาณโซเดียมในอาหารกึ่งสำเร็จรูปที่จำหน่ายในประเทศไทย จำแนกตามลักษณะของอาหาร โดยใช้ข้อมูลทุติยภูมิจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และเครือข่ายลดบริโภคเค็ม ผลการศึกษาพบว่า
1.ค่ามัธยฐานปริมาณโซเดียมในอาหารกึ่งสำเร็จรูปในปี 2564 เท่ากับ 1,750.0 มิลลิกรัม/100 กรัม ซึ่งมีแนวโน้มลดลงร้อยละ 11.6 เมื่อเทียบกับปี 2561 ลักษณะของอาหารที่ปริมาณโซเดียมมีแนวโน้มลดลง ได้แก่ ประเภทข้าวต้มหรือโจ๊ก ผู้ผลิตยี่ห้อหนึ่ง เส้นชนิดบะหมี่ ภาชนะบรรจุแบบถ้วย และอาหารที่ผลิตในประเทศไทยและจีน
2.ค่ามัธยฐานปริมาณโซเดียมในผลิตภัณฑ์เดียวกันระหว่างปี 2561 และ 2564 ไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยมีผลิตภัณฑ์จำนวน 19 รายการ (33.3%) ที่ปรับสูตรปริมาณโซเดียมลดลง และ
3.สัดส่วนของผลิตภัณฑ์ที่ผ่านเกณฑ์สัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.5 เป็นร้อยละ 21.1 ในปี 2561 และปี2564 ทั้งในประเภทบะหมี่ และข้าวต้มหรือโจ๊ก รวมถึงอาหารที่ผลิตในประเทศไทย
No comments:
Post a Comment