วันนี้ (20 ก.พ. 2567) นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วมการประชุมสมัชชาองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ ประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิค ระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 37 (The 37th Session of the Regional Conference for Asia and the Pacific (APRC), Ministerial Session) พร้อมด้วย นายเศรษฐเกียรติ กระจ่างวงษ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ ดร.วนิดา กำเนิดเพ็ชร์ ผู้อำนวยการสำนักการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงโคลัมโบ สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา
เวลา 09.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น กรุงโคลัมโบ นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมฯ โดยการประชุมในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากท่านรนิล วิกรมสิงหะ ประธานาธิบดีศรีลังกา เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วย ดร.ฉู ตงหยู ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ และนายมหินทา อมราวีระ รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและอุตสาหกรรมการเพาะปลูกศรีลังกา ร่วมกล่าวเปิดการประชุมฯ โดยการประชุมในครั้งนี้มีรัฐมนตรีเกษตรจากทวีปเอเชียและแปซิฟิก จำนวน 13 ประเทศ เข้าร่วม และรัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตร จำนวน 11 ประเทศ เข้าร่วม
นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้กล่าวสุนทรพจน์ว่า ประเทศไทยพร้อมสนับสนุนการดำเนินงานของ FAO ประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกอย่างต่อเนื่องใน 2 ปีต่อจากนี้ เพื่อพลิกโฉมระบบเกษตรและอาหาร เพื่อการผลิตที่ยั่งยืน และมีโภชนาการที่ดี รวมถึงการเร่งจัดการทรัพยากรธรรมชาติที่ยั่งยืนเพื่อการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ พร้อมทั้ง สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงในชนบทอย่างครอบคลุมเพื่อระบบเกษตรและอาหารที่ยั่งยืน และสังคมชนบทที่เท่าเทียม และการสร้างระบบเกษตรและอาหารที่ยั่งยืนและยืดหยุ่นของประเทศหมู่เกาะขนาดเล็ก เพื่อให้ภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกเป็นประเทศที่มีความมั่นคงทางอาหาร ยั่งยืน ยืดหยุ่น และเป็นธรรม บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนร่วมกัน โดยประเทศไทยพร้อมและยินดีแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านเกษตรและอาหารที่ไทยมีศักยภาพแก่ประเทศสมาชิกอย่างต่อเนื่องต่อไป
“ภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เดินหน้าเจรจาการค้า ทำงานเชิงรุกขยายตลาดสินค้าการเกษตรของประเทศไทย ซึ่งไทยและศรีลังกาได้ลงนามความตกลงการค้าเสรี (FTA) เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา สำหรับ FTA กับศรีลังกา ครอบคลุมความตกลงการค้าสินค้า การค้าบริการ การลงทุน กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า อุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า กฎหมาย และความร่วมมือด้านต่างๆ จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.02% มูลค่า 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งขยายการลงทุนและขยายมูลค่าการส่งออกของไทยไปศรีลังกา ทั้งนี้ ในปี 2566 การค้าระหว่างไทยและศรีลังกามีมูลค่า 415.30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปศรีลังกา มูลค่า 291.17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญของไทย อาทิ อัญมณีและเครื่องประดับ น้ำมันสำเร็จรูปยาง ผ้าผืน ยางพารา และเคมีภัณฑ์” นายอนุชา ย้ำ
ด้าน ประธานาธิบดีศรีลังกา และผู้อำนวยการใหญ่องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ ได้กล่าวชื่นชมศักยภาพของประเทศไทยด้านเกษตรและอาหาร ว่าสามารถเป็นตัวอย่างที่ดีของภูมิภาค โดยหวังให้ประเทศไทยแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการเกษตรให้แก่ประเทศสมาชิกในอนาคตต่อไป
No comments:
Post a Comment