ภาคีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบประเทศไทย เผยภายหลังร่วมประชุมกับคณะกมธ. การคลัง เสนอ 4 แนวทางแก้ไขปัญหาราคายาสูบตกต่ำ ย้ำรัฐต้องปรับราคารับซื้อให้สอดคล้องกับต้นทุน แก้ไขอัตราภาษีให้เหมาะสม เร่งปราบบุหรี่เถื่อน และผลักดันทางเลือกใหม่ ๆ เพื่อเป็นโอกาสให้ชาวไร่ ชี้ปัญหาเก่ายังไม่ทันแก้ วอนรัฐอย่าเพิ่มปัญหาใหม่จากการแบนส่วนประกอบ
ที่ประชุมคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน โดยมีกรมสรรพสามิต กรมศุลกากร การยาสูบแห่งประเทศไทย และภาคีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2566 ได้หารือเกี่ยวกับการศึกษาหาแนวทางแก้ไขปัญหายาสูบและยาเส้นราคาตกต่ำ โดยตัวแทนภาคีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบนาย กิตติทัศน์ ผาทอง กล่าวว่า
“ราคาการรับซื้อใบยาสูบไม่มีการปรับขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจมากว่า 10 ปีแล้ว สวนทางกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 30 หรือกว่า 12 บาทต่อกิโลกรัม ชาวไร่ยาสูบ โดยเฉพาะผู้ปลูกพันธุ์เวอร์จิเนียในภาคเหนือต้องแบกรับค่าปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ย น้ำมัน เชื้อเพลิงจากไฟฟ้าและฟืน รวมถึงแรงงาน ที่กลายเป็นตัวเลขรายได้ที่ลดลงทุก ๆ ปี และพวกเราก็ยังโดนตัดโควตากว่าร้อยละ 50 ติดต่อกัน 6 ปีด้วย สถานการณ์ก็ไม่มีวี่แววที่จะดีขึ้นทั้งจากเรื่องภาษีและบุหรี่เถื่อนที่ถาโถมเข้ามา ดังนั้น การปรับราคารับซื้อให้คุ้มค่ากับต้นทุนในปัจจุบันจึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุด และทุกอย่างจะเกิดได้หากผู้รับซื้ออย่างการยาสูบฯ สามารถสร้างรายได้จากภาษีในอัตราที่เหมาะสม”
ภาคีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบ จึงยื่น 4 ข้อเสนอ แก่คณะกรรมาธิการฯ
1) ร้องขอให้ผลักดันเรื่องการปรับขึ้นราคาใบยาสูบให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น
2) เร่งปรับให้เกิดอัตราที่เหมาะสมตามที่กระทรวงการคลังทำการศึกษาไว้ และไม่ขึ้นราคาสวนสภาพเศรษฐกิจ
3) ปราบปรามบุหรี่เถื่อนอย่างจริงจัง จัดให้บุหรี่เถื่อนเป็นสินค้าเกษตรสำเร็จรูปลักลอบ และ
4) เสนอพิจารณาเก็บภาษีบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อให้การยาสูบฯ ใช้ประโยชน์จากใบยาสูบในประเทศผลิตนิโคตินทางการแพทย์ หรือใช้ใบยาเป็นส่วนประกอบของบุหรี่ไฟฟ้า และนำรายได้มาช่วยเกษตรกร
นอกจากนี้ ตัวแทนภาคีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบกล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงสาธารณสุข “ห้ามเติมสารปรุงแต่งในบุหรี่” ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติแล้ว ขณะนี้กำลังรอเสนอต่อครม. ว่ายังเป็นร่างที่มีปัญหา มีการเลี่ยงบาลี ซึ่งอาจตีความได้ว่าไม่ให้เติมส่วนประกอบใด ๆ เลย เป็นสัญญาณที่ไม่ดี อาจทำลายอาชีพของชาวไร่ยาสูบทั้งประเทศ เพราะการบริโภคทั้งหมดคงไปอยู่ที่สินค้าทดแทน สินค้าผิดกฎหมายทั้งหมด จึงขอฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาจุดสมดุลและเห็นใจชาวไร่ยาสูบด้วย
โดยทาง คณะกมธ. และ สส. จากพื้นที่ปลูกยาสูบทั้งภาคเหนือและภาคอีสานได้มีการสอบถามความเห็นจากทั้งกรมสรรพสามิต กรมศุลกากร และการยาสูบฯ ถึงประเด็นปัญหาต่าง ๆ อีกทั้งให้เวลาหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 1 เดือน เพื่อกลับมานำเสนอวิธีการแก้ไขปัญหาและข้อเรียกร้องของชาวไร่ยาสูบกับคณะกรรมาธิการอีกครั้งในการประชุมครั้งถัดไป
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณคณะกมธ. และสมาชิกผู้แทนราษฎรในพื้นที่ยาสูบทั่วไทยที่ช่วยทำให้ปัญหาของชาวไร่ยาสูบถูกตีแผ่ในวงกว้าง เพราะเราเหมือนเกษตรกรที่ตกสำรวจ จะออกไปเรียกร้องผ่านแบบเกษตรกรที่ปลูกพืชชนิดอื่นก็ไม่มีใครเป็นเจ้าภาพดูแล การได้เข้าร่วมประชุมให้ข้อมูลกับคณะกมธ. การเงิน การคลังฯ ในวันนี้ นับเป็นอีกหนึ่งความหวังให้ชาวไร่ยาสูบได้มีกำลังใจในการประกอบอาชีพต่อไปในฤดูกาลปลูกประจำปีที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
No comments:
Post a Comment