ฟีเจอร์ Optical Character Recognition สำหรับภาษาไทย และ LLM ชุดใหม่จะช่วยให้องค์กรไทย
ใช้ประโยชน์จาก AI และระบบอัตโนมัติเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจ
กรุงเทพฯ ประเทศไทย, 23 เมษายน 2567 – UiPath (NYSE: PATH) บริษัทชั้นนำด้านซอฟต์แวร์ระบบอัตโนมัติ และ AI ระดับองค์กร ได้เปิดตัวโมเดล AI และโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (large language models (LLM)) รุ่นใหม่ล่าสุด ที่งาน UiPath AI-Powered Automation Summit ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ พร้อมกันนี้ ประกาศฟีเจอร์ Extended Languages Optical Character Recognition (OCR) รองรับภาษาไทยแล้ว
งาน UiPath AI-Powered Automation Summit เป็นส่วนหนึ่งของโรดโชว์ที่จัดขึ้นใน 15 เมืองสำคัญทั่วเอเชีย-แปซิฟิกและญี่ปุ่นในปี 2567 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวทางที่องค์กรธุรกิจต่างๆ จะสามารถใช้ประโยชน์จากศักยภาพของ AI เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม ด้วยการ ประยุกต์ ใช้ และเชื่อมต่อ AI เข้ากับระบบอัตโนมัติ (Automation)
UiPath Business Automation Platform นำเสนอระบบอัตโนมัติแบบครบวงจรสำหรับกระบวนการทางธุรกิจ ทั้งนี้ ในการผนวกรวม AI เข้ากับโปรแกรมระบบอัตโนมัติ ผู้บริหารองค์กรจะต้องคำนึงถึงปัจจัยสำคัญ 4 ข้อ ได้แก่ (1) บริบททางธุรกิจ (2) ความยืดหยุ่นของโมเดล AI (3) ความสามารถในการนำไปใช้ทำงาน (4) ความปลอดภัยที่น่าเชื่อถือ และฟีเจอร์ AI ใหม่ของ UiPath Platform ได้ตอบโจทย์ที่สำคัญเหล่านี้ และช่วยให้ลูกค้าได้รับเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำของโมเดลและเครื่องมือ GenAI รวมทั้งรับมือกับความท้าทายทางธุรกิจที่หลากหลายได้อย่างง่ายดายมากขึ้นด้วยเทคโนโลยี AI และระบบอัตโนมัติ
เกรแฮม เชลดอน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ UiPath กล่าวว่า “UiPath เล็งเห็นศักยภาพที่สูงมากของประเทศไทย เพราะองค์กรต่างๆ ไม่ได้ให้ความสำคัญกับดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป กล่าวคือ ตอนนี้การปรับใช้เทคโนโลยี AI ถือเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด โดยผู้บริหารองค์กรธุรกิจต่างๆ กำลังมองหาหนทางที่จะใช้ประโยชน์จากศักยภาพของ AI เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม และ UiPath LLM ชุดใหม่ของเราจะช่วยให้องค์กรต่างๆ ทำอย่างนั้นได้ ด้วยการปลดล็อกศักยภาพสูงสุดของ GenAI และปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่เฉพาะเจาะจงขององค์กร ขณะเดียวกัน เครื่องมือ UiPath OCR ที่รองรับภาษาไทย จะช่วยให้องค์กรของไทยสามารถใช้การประมวลผลเอกสารอัจฉริยะที่แม่นยำมากขึ้น เรามุ่งหวังที่จะสนับสนุนองค์กรต่างๆ ในไทย เพื่อให้เติบโตอย่างรวดเร็วโดยอาศัยพลังของ AI และระบบอัตโนมัติ”
ในการประชุมสุดยอดที่กรุงเทพฯ UiPath ได้ประกาศว่า:
LLM ชุดใหม่ นั่นคือ DocPATH และ CommPATH จะช่วยให้องค์กรธุรกิจต่างๆ สามารถใช้งาน LLM ที่ได้รับการฝึกอย่างกว้างขวางสำหรับงานเฉพาะด้านในส่วนของการประมวลผลเอกสารและการสื่อสาร ทั้งนี้ โมเดล GenAI สำหรับการใช้งานทั่วไป อย่างเช่น GPT-4 มีประสิทธิภาพและความแม่นยำน้อยกว่าโมเดลที่ได้รับการฝึกเป็นพิเศษสำหรับงานเฉพาะด้าน นอกจากนั้น แทนที่จะต้องพึ่งพางานวิศวกรรมที่ต้องใช้เวลานานและขาดความแม่นยำ DocPATH และ CommPATH มอบเครื่องมือมากมายให้กับองค์กรธุรกิจสำหรับการปรับแต่งโมเดล AI ให้สอดรับกับความต้องการที่แน่ชัด เพื่อให้โมเดลดังกล่าวเข้าใจเอกสารและข้อความหลากหลายประเภท DocPATH และ CommPATH จะเปิดให้ทดลองใช้งานในรูปแบบของ Public Preview ภายในสิ้นเดือนมิถุนายน
UiPath Extended Languages OCR ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเฟรมเวิร์ก UiPath Document Understanding รองรับภาษาไทยแล้วโดยตอนนี้ OCR สามารถแปลงเอกสารเป็นรูปแบบดิจิทัลได้มากกว่า 200 ภาษา รวมถึงภาษาไทย เวียดนาม ภาษาหลักทั้งหมดของอินเดีย และภาษาที่ใช้ตัวอักษรซีริลลิกและกรีกซึ่งจะช่วยให้ขั้นตอนการดึงข้อมูลจากเอกสารกลายเป็นเรื่องง่าย เพราะลูกค้าจะสามารถสร้างเวิร์กโฟลว์เพียงหนึ่งเดียวสำหรับการดึงข้อมูลจากเอกสารหลากหลายประเภท
Context Grounding เพื่อยกระดับโมเดล GenAI ด้วยข้อมูลเฉพาะทางธุรกิจ
องค์กรธุรกิจต้องการวิธีที่ปลอดภัย เชื่อถือได้ และไม่มีขั้นตอนที่ยุ่งยากสำหรับการใช้งานข้อมูลทางธุรกิจร่วมกับโมเดล AI เพื่อตอบสนองความต้องการนี้ UiPath จึงได้นำเสนอ Context Grounding ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ภายใน UiPath AI Trust Layer ซึ่งจะเปิดให้ทดลองใช้งานแบบ Private Preview ในช่วงเดือนเมษายน UiPath Context Grounding จะช่วยให้องค์กรธุรกิจต่างๆ ปรับปรุงความแม่นยำของโมเดล GenAI ด้วยการจัดหาข้อมูลบริบททางธุรกิจผ่านกระบวนการ Retrieval Augmented Generation ระบบนี้จะดึงข้อมูลจากชุดข้อมูลเฉพาะของบริษัท เช่น ฐานความรู้หรือนโยบายและขั้นตอนภายในองค์กร เพื่อสร้างคำตอบที่ถูกต้องแม่นยำและรายละเอียดที่มากขึ้น
ระบบอัตโนมัติสำหรับนักพัฒนาและผู้ทดสอบ
UiPath Autopilot™ คือชุดระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย GenAI บนแพลตฟอร์ม ซึ่งทำให้ผู้สร้างและผู้ใช้ระบบอัตโนมัติสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น Autopilot สำหรับนักพัฒนา (Developer) และผู้ทดสอบ(Tester) อยู่ระหว่างการทดลองใช้งาน และจะเปิดให้ใช้งานทั่วไปในเดือนมิถุนายน องค์กรต่างๆ มากกว่า 1,500 แห่งกำลังใช้ UiPath Autopilot™ โดยมีการสร้างผลลัพธ์มากกว่า 7,000 รายการ และมีการสร้างสัญลักษณ์
ต่าง ๆ (Expression) มากกว่า 5,500 รายการต่อสัปดาห์ Autopilot for Developers ช่วยให้นักพัฒนาระบบอัตโนมัติทั้งมืออาชีพและคนทั่วไปสามารถสร้างระบบอัตโนมัติ โค้ด และสัญลักษณ์ (expression)โดยใช้ภาษาธรรมชาติ พร้อมทั้งเพิ่มความรวดเร็วให้กับทุกแง่มุมของการสร้างระบบอัตโนมัติ ส่วน Autopilot for Testers จะช่วยปรับปรุงกระบวนการทดสอบทั้งหมด ตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผนไปจนถึงการวิเคราะห์ ทั้งยังช่วยลดภาระงานในการดำเนินการทดสอบด้วยตนเอง และช่วยให้ทีมงานฝ่ายทดสอบขององค์กรสามารถทำการทดสอบแอปพลิเคชั่นได้เพิ่มมากขึ้นและรวดเร็วยิ่งขึ้น
แดเนียล-โซอี้ จีเมเนซ รองประธาน หัวหน้าฝ่ายนวัตกรรมดิจิทัล, ซอฟต์แวร์, CX, DNB, SMB และช่องทางจัดจำหน่ายของ IDC กล่าวว่า “AI ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางในประเทศไทย โดยจะมีการเปิดตัวกลยุทธ์และแผนปฏิบัติการด้าน AI ระดับชาติระยะที่ 2 ในช่วงปี 2567 ด้วยการรวมระบบอัตโนมัติเข้ากับ AI องค์กรต่างๆ ของไทยจะได้รับประโยชน์จากการเพิ่มประสิทธิภาพ ผลผลิต และการเติบโตของธุรกิจ
ล่าสุด UiPath ได้รับการจัดอันดับเป็นผู้นำด้านการประมวลผลเอกสารอัจฉริยะเป็นปีที่สองติดต่อกัน ตามที่ระบุไว้ในรายงาน PEAK Matrix Assessment 2024 ของ Everest Group สำหรับผลิตภัณฑ์ Intelligent Document Processing (IDP)
เกี่ยวกับ Ui Path
UiPath (NYSE: PATH) มีพันธกิจหลักในการยกระดับการทำงานที่ต้องอาศัยความรู้ เพื่อให้บุคลากรจำนวนมากสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างสร้างสรรค์มากขึ้นและสอดคล้องกับกลยุทธ์ UiPath Business Automation Platform ซึ่งขับเคลื่อนด้วย AI ผสานรวมโซลูชั่นชั้นนำด้าน Robotic Process Automation (RPA) เข้ากับความสามารถเต็มรูปแบบสำหรับการทำความเข้าใจ ปรับเปลี่ยนให้เป็นแบบอัตโนมัติ และควบคุมกระบวนการต่างๆ อย่างครบวงจร และช่วยให้ได้รับผลตอบแทนรวดเร็วขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน สำหรับองค์กรที่จำเป็นต้องพัฒนาเพื่อความอยู่รอดและการเติบโตผ่านช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง UiPath คือคำตอบสำหรับการวางรากฐานของการสร้างสรรค์นวัตกรรม (The Foundation of Innovation™)
No comments:
Post a Comment